วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ความรู้พื้นฐานภาษาอังกฤษ


ความรู้พื้นฐาน 


การทักทาย(Greeting)  และการแนะนำตัวเอง (Introduction)
โดยปกติเมื่อคนไทยพบกันจะกล่าวคำว่า"สวัสดี" ซึ่งเป็นคำทักทาย แต่ในภาษาอังกฤษการทักทาย จำต้องใช้แตกต่างกันออก
ตามแต่เวลาที่พบปะกัน

สอนภาษาอังกฤษง่ายๆต้องใช้เพลงเป็นสื่อ

สอนภาษาอังกฤษง่ายๆต้องใช้เพลงเป็นสื่อ

การส่งเสริมเจตคติในการเรียนรู้โดยเพลง
    การเรียนการสอนภาษาอังกฤษ เป็นไปเพื่อมุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้ใช้ประโยชน์จากการเรียน ในการนำประสบการณ์ทางภาษาไปใช้ในการสื่อสาร ซึ่งหมายถึงความสามารถในการจัดการตนเอง ถ้าหากผู้เรียนขาดทักษะในด้านใดด้านหนึ่ง จะทำให้ไม่สามารถจัดการตนเองในด้านการสื่อสารได้อย่างแท้จริง เพราะธรรมชาติของสาระวิชามีบริบทเฉพาะตัว ผู้สอนมีความจำเป็นที่จะต้องรับผิดชอบต่อการจัดประสบการณ์ และใช้กระบวนการในการเรียนรู้ให้กับผู้เรียนอย่างเหมาะสม เพื่อให้ผู้เรียนเห็นคุณค่าว่าภาษาอังกฤษมีความสำคัญที่จำเป็นต่อการจัดการตนเอง



ติวผ่าน youtube

ติวผ่าน youtube
เรื่องที่ 1 tenses แหล่งที่มา


ความหมายของ Tense

ความหมายของtense

หลักการใช้ Tense ทั้ง 12



Tense   คือรูปแบบ(หรือโครงสร้าง)ของกริยา  ที่แสดงให้เราทราบว่า  การกระทำหรือเหตุการ นั้นๆเกิดขึ้นเมื่อใด   ซึ่งเรื่อง  tense  นี้เป็นเรื่องสำคัญ  ถ้าเราใช้    tense  ไม่ถูก  เราก็จะสื่อภาษากับเขา ไม่ได้  เพราะในประโยคภาษาอังกฤษนั้นจะอยู่ในรูปของ  tense  เสมอ  ซึ่งต่างกับภาษาไทยที่เราจะมีข้อความบอกว่าาเกิดขึ้นเมื่อใดมาช่วยเสมอ   แต่ภาษาอังกฤษจะใช้รูป  tense  นี้มาเป็นตัวบอก  ดังนี้การศึกษาเรื่อง  tense  จึงเป็นเรื่องจำ เป็น.

โครงสร้างของ Tense

โครงสร้างtense

โครงสร้างของ  Tense  ทั้ง  12  มีดังนี้


Present  Tense

                      [1.1]   S  +  Verb  1  +  ……(บอกความจริงที่เกิดขึ้นง่ายๆ ตรงๆไม่ซับซ้อน).
[Present]       [1.2]   S  +  is, am, are  +  Verb  1  ing   +  …(บอกว่าเดี๋ยวนี้กำลังเกิดอะไร อยู่).
                      [1.3]   S  +  has, have  +  Verb  3 +  ….(บอกว่าได้ทำมาแล้วจนถึง ปัจจุบัน).
                      [1.4]   S  +  has, have  +  been  +  Verb 1 ing  + …(บอกว่าได้ทำมาแล้วและกำลังทำ ต่อไปอีก).

หลักการใช้ Tense

หลักการใช้ tense

หลักการใช้แต่ละ  tense  มีดังนี้

              [1.1]   Present  simple  tense    เช่น    He  walks.   เขาเดิน,
1.    ใช้กับ เหตุการที่เกิดขึ้นตามความจริงของธรรมชาติ และคำสุภาษิตคำ พังเพย.    
2.    ใช้กับเหตุการณ์ที่เป็นความจริงในขณะที่พูด  (ก่อนหรือหลังจะไม่จริงก็ตาม).
3.    ใช้กับกริยาที่ทำนานไม่ได้   เช่น  รัก,  เข้าใจ, รู้  เป็นต้น.
4.    ใช้กับการกระทำที่คิดว่าจะเกหิดขึ้นในอนาคตอันใกล้(จะมีคำวิเศษณ์บอกอนาคตร่วมด้วย).
5.    ใช้ในการเล่าสรุปเรื่องต่างๆในอดีต  เช่นนิยาย นิทาน.
6.    ใช้ในประโยคเงื่อนไขในอนาคต    ที่ต้นประโยคจะขึ้นต้น ด้วยคำว่า    If    (ถ้า),       unless   (เว้นเสียแต่ว่า),    as  soon  as  (เมื่อ,ขณะที่),    till  (จนกระทั่ง) ,   whenever   (เมื่อไรก็ ตาม),    while  (ขณะที่)   เป็นต้น.
7.    ใช้กับเรื่องที่กระทำอย่างสม่ำเสมอ  และมีคำวิเศษณ์บอกเวลาที่สม่ำเสมอร่วมอยู่ด้วย  เช่น  always (เสมอๆ),  often   (บ่อยๆ),    every  day   (ทุกๆวัน)    เป็นต้น.
8.    ใช้ในประโยคที่คล้อยตามที่เป็น  [1.1]  ประโยคตามต้องใช้   [1.1]  ด้วยเสมอ.