ความรู้พื้นฐาน
การทักทาย(Greeting) และการแนะนำตัวเอง (Introduction)
โดยปกติเมื่อคนไทยพบกันจะกล่าวคำว่า"สวัสดี" ซึ่งเป็นคำทักทาย แต่ในภาษาอังกฤษการทักทาย จำต้องใช้แตกต่างกันออก
ตามแต่เวลาที่พบปะกัน
เช่น
1.Good morning
ตามแต่เวลาที่พบปะกัน
เช่น
1.Good morning
- สวัสดีตอนเช้า ใช้ตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยงวันและใช้กับผู้ใดก็ได้
2.Good afternoon
2.Good afternoon
- สวัสดีตอนบ่าย ใช้ตั้งแต่หลังเวลาอาหารกลางวัน คือหลังเที่ยงไปจนถึงประมาณ 6 โมงเย็น
3.Good evening
- สวัสดีตอนค่ำ ใช้ตั้งแต่หลัง 6 โมงเย็นไปแล้วจนถึงเวลากลางคืน
4.Hello
- ใช้เฉพาะกับเพื่อนสนิท หรือทักทายแบบไม่เป็นทางการ โดยไม่จำกัดเวลา
5.Hi
- ใช้เฉพาะกับคนที่เราสนิทมาก โดยไม่จำกัดเวลาเช่นกัน
6.How do you do?
- คำนี้เป็น คำทักทายเช่นกันแต่ไม่ค่อยนิยมใช้บ่อยเหมือนคำทักทายต้น ๆ แต่ก็ยังมีใช้ให้ได้ยินอยู่บ่อย และก็ไม่ได้นำกัดเวลาใช้ คำทักทายนี้จะใช้กับคนที่พบหรือรู้จักกันเป็นครั้งแรกเท่านั้น และจะอยู่ในรูปของประโยคคำถามซึ่งไม่ต้องการคำตอบ และเมื่อถูกทักทายว่า How do you do?
เราก็ต้องกล่าวตอบว่า How do you do? เช่นเดียวกัน
ในภาษาอังกฤษหลังจากที่ทักทายกันด้วยคำว่า "สวัสดี"แล้วก็จะถามถึงสุขภาพของอีกฝ่ายหนึ่งทันที และถือเรื่องนี้เป็นสิ่งจำเป็นด้วยและคำที่นิยมใช้กันมากที่สุดคือ How are your?(คุณเป็นอย่างไรบ้าง) หลังจากที่ทักทายและถามถึงสุขภาพแล้ว ฝ่ายผู้ตอบก็จะต้องตอบในลักษณะนี้ อย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น
3.Good evening
- สวัสดีตอนค่ำ ใช้ตั้งแต่หลัง 6 โมงเย็นไปแล้วจนถึงเวลากลางคืน
4.Hello
- ใช้เฉพาะกับเพื่อนสนิท หรือทักทายแบบไม่เป็นทางการ โดยไม่จำกัดเวลา
5.Hi
- ใช้เฉพาะกับคนที่เราสนิทมาก โดยไม่จำกัดเวลาเช่นกัน
6.How do you do?
- คำนี้เป็น คำทักทายเช่นกันแต่ไม่ค่อยนิยมใช้บ่อยเหมือนคำทักทายต้น ๆ แต่ก็ยังมีใช้ให้ได้ยินอยู่บ่อย และก็ไม่ได้นำกัดเวลาใช้ คำทักทายนี้จะใช้กับคนที่พบหรือรู้จักกันเป็นครั้งแรกเท่านั้น และจะอยู่ในรูปของประโยคคำถามซึ่งไม่ต้องการคำตอบ และเมื่อถูกทักทายว่า How do you do?
เราก็ต้องกล่าวตอบว่า How do you do? เช่นเดียวกัน
ในภาษาอังกฤษหลังจากที่ทักทายกันด้วยคำว่า "สวัสดี"แล้วก็จะถามถึงสุขภาพของอีกฝ่ายหนึ่งทันที และถือเรื่องนี้เป็นสิ่งจำเป็นด้วยและคำที่นิยมใช้กันมากที่สุดคือ How are your?(คุณเป็นอย่างไรบ้าง) หลังจากที่ทักทายและถามถึงสุขภาพแล้ว ฝ่ายผู้ตอบก็จะต้องตอบในลักษณะนี้ อย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น
- Fine, thanks. How are you? (สบายดี ขอบคุณ แล้วคุณล่ะเป็นอย่างไร)
- Very well, thank you, and you? (สบายดีมากเลย ขอบคุณแล้วคุณล่ะ)
- OK thank and you? (โอเคครับ ขอบคุณ แล้วคุณล่ะ)
กรณีที่เราไม่สบายจริงๆ เช่น เป็นหวัด ปวดหัว ปวดฟัน เราอาจจะตอบว่า
- Not so well, I have a cold. How are you? (ผมไม่ค่อยสบาย ผมเป็นหวัด แล้วคุณล่ะเป็นอย่างไรบ้าง)
ในกรณีที่อีกฝ่ายหนึ่งตอบมาว่า ไม่สบายด้วยเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง เราควรจะตอบตามมารยาทว่า
I am sorry to hear it. (ผมเสียใจที่ได้ทราบเช่นนั้น)
That's too bad. (นั่นเป็นเรื่องแย่มากเลย)
I hope you feel better.(ผมหวังว่าคุณจะรู้สึกดีขึ้น)
I hope you feel better.(ผมหวังว่าคุณจะรู้สึกดีขึ้น)
การแนะนำตัว (Introductions)
การแนะนำตัวเอง (Introducing yourself)
May I introduce myself. My name is ……. (ฉันขออนุญาตแนะนำตัวเอง ฉันชื่อ……..)
I'd like to introduce myself. My name’s …….. (ฉันอยากจะแนะนำตัวเอง ฉันชื่อ……)
Good morning / Hello / Hi, my name is ............. (สวัสดีค่ะ/ครับ ฉันชื่อ……)
Call me ................. (เรียกฉันว่า…….)
I'm ................(ฉันคือ…….)
Call me ................. (เรียกฉันว่า…….)
I'm ................(ฉันคือ…….)
การแนะนำคนอื่น (Introducing others)
Let me introduce you to ............. (ขอแนะนำให้คุณรู้จักกับ......)
I'd like to introduce you to .......... (ฉันอยากให้คุณรู้จักกับ......)
I'd like you to meet .......... (ฉันอยากให้คุณพบกับ.......)
Meet ............. (พบกับ......)
This is ........... (นี่คือ......)
I'd like you to meet .......... (ฉันอยากให้คุณพบกับ.......)
Meet ............. (พบกับ......)
This is ........... (นี่คือ......)
การใช้ Verb to be
Verb to be ได้แก่ is, am, are มีหลักการใช้ดังนี้
is ใช้กับประธานเอกพจน์ทั้งหมด ได้แก่ He, She, It, ชื่อคน, สัตว์, สิ่งของที่มีจำนวนเพียงแค่อย่างเดียว
am ใช้กับประธาน I ตัวเดียวเท่านั้น
are ใช้กับประธานพหูพจน์ทั้งหมด ได้แก่ You, We, They
ตารางแสดงการใช้ Verb to be
รูปปฏิเสธ
รูปคำถาม
คำตอบแบบสั้น
He is not
He isn’t
Is he?
Yes, he is.
No, he is not.
She is not
She isn’t
Is she?
Yes, she is.
No, she is not.
It is not
It isn’t
Is it?
Yes, it is.
No, it is not.
I am not
I’m not
Am I?
Yes, I am.
No, I am not.
รูปปฏิเสธ
รูปคำถาม
คำตอบแบบสั้น
You are not
You aren’t
Are you?
Yes, you are.
No, you are not.
We are not
We aren’t
Are we?
Yes, we are.
No, we are not.
They are not
They aren’t
Are they?
Yes, they are.
No, they are not.
เนื้อเพลง Hello
Hello Hello Hello
How are you?
I’m fine. I’m fine.
I hope that you are, too.
เนื้อเพลง Goodbye
Goodbye My Friends.
Goodbye My Friends.
Goodbye My Friends.
See you again. Goodbye.
See you again. Goodbye.
หลักเกณฑ์การถอดอักษรไทยเป็นอักษรโรมันแบบถ่ายเสียง
พยัญชนะไทย อักษรโรมัน (ตัวต้น) อักษรโรมัน (ตัวสะกด)
ก k k
ข ฃ ค ฅ ฆ kh k
ง ng ng
จ ฉ ช ฌ ch t
ญ y n
ด ฎ ฑ (บางคำ) d t
ต ฏ t t
ถ ฐ ท ฑ ธ ฒ th t
น ณ n n
บ b p
ป p p
ผ พ ภ ph p
ฝ ฟ f p
ม m m
ย y -
ร r n
ล ฬ l n
ว w -
ซ ทร ศ ษ ส s t
ห ฮ h -
สระไทย อักษรโรมัน
อะ, -ั (อะ ลดรูป), รร (มีตัวสะกด), อา a
รร (ไม่มีตัวสะกด) an
อำ am
อิ, อี i
อึ, อื ue
อุ, อู u
เอะ, เ -็ (เอะ ลดรูป), เอ e
แอะ, แอ ae
โอะ, - (โอะ ลดรูป), โอ, เอาะ, ออ o
เออะ, เ -ิ (เออะ ลดรูป), เออ oe
เอียะ, เอีย ia
เอือะ, เอือ uea
อัวะ, อัว, -ว- (อัว ลดรูป) ua
ใอ, ไอ, อัย, ไอย, อาย ai
เอา, อาว ao
อุย ui
โอย, ออย oi
เอย oei
เอือย ueai
อวย uai
อิว io
เอ็ว, เอว eo
แอ็ว, แอว aeo
เอียว iao
ฤ (เสียง รึ), ฤๅ rue
ฤ (เสียง ริ) ri
ฤ (เสียง เรอ) roe
ฦ, ฦๅ lue
Question words
Question words หมายถึง คำที่ใช้ขึ้นต้นประโยค เพื่อทำให้ประโยคนั้นเป็นคำถาม ซึ่งต้องการให้ผู้ตอบได้ตอบโดยใช้ข้อมูล หรือข้อเท็จจริง ประโยคคำถามส่วนใหญ่จะขึ้นต้นด้วย " W " และ " H " ได้แก่
What ( อะไร ) Where ( ที่ไหน ) When ( เมื่อไร )
Why ( ทำไม ) Who ( ใคร ) Whom ( ใคร )
Whose ( ของใคร ) Which ( อันไหน ) How ( อย่างไร )
What ( อะไร ) ใช้กับประโยคต่างๆดังนี้ คือ
1. ถามเกี่ยวกับสิ่งของ เช่น What is that ? ( นั่นคืออะไร )
It is a toy car. ( มันคือรถยนต์เด็กเล่น )
2. ถามเกี่ยวกับอาชีพ เช่น What does he do ? ( เขาทำงานอะไร )
He is a teacher. ( เขาเป็นคุณครู )
3. ถามเกี่ยวกับเวลา เช่น What time is it ? ( มันเป็นเวลากี่นาฬิกา )
It is ten o'clock. ( มันเป็นเวลา 10 นาฬิกา )
Where ( ที่ไหน ) ใช้ถามเกี่ยวกับสถานที่ เช่น
Where is she going ? ( เธอกำลังไปไหน )
When ( เมื่อใด , เมื่อไร ) ใช้ถามเกี่ยวกับเวลา เช่น
When do you get up ? ( คุณตื่นนอนเวลากี่โมง )
Why ( ทำไม ) ใช้ถามหาเหตุผล สาเหตุ หรือจุดประสงค์ เช่น
Why is he sad ? ( ทำไมเขาเศร้า )
Who ( ใคร ) ใช้ถามเกี่ยวกับบุคคล ส่วนคำตอบมักเป็นชื่อคน เช่น
Who broke the glass ? ( ใครทำแก้วแตก )
Suda did. ( สุดาเป็นผู้ทำ )
Whom ( ใคร ) ใช้ถามเกี่ยวกับบุคคลเช่นกัน แต่ทำหน้าที่เป็นกรรมของประโยค เช่น
Whom do you want to meet ? ( คุณต้องการพบใคร )
***หมายเหตุ อาจใช้ Who แทน Whom ได้ เช่น
Who do want to meet ?
Whose ( ของใคร ) ใช้ถามบุคคล ในการเป็นเจ้าของ เช่น
Whose house is this ? ( บ้านหลังนี้เป็นของใคร )
การตอบคำถาม Whose ต้องระบุชื่อ เช่น
It is Mary's house. ( มันเป็นบ้านของแมรี่ )
Which ( อันไหน,สิ่งไหน,คนไหน ) ใช้ถามเกี่ยวกับการเลือก เช่น
Which book is better ? ( หนังสือเล่มไหนดีกว่ากัน )
How ( อย่างไร ) ใช้ถามลักษณะอาการ วิธีการ เช่น How do you go to school ? ( เธอไปโรงเรียนอย่างไร )
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น